วันนี้เราก็จะมาติดตามประเด็นข่าว ศาลยุโรปเอาจริง โลกอุณหภูมิพุ่ง ฟ้องรัฐบาลสวิส ไม่ลดโลกร้อน มาเเล้ว ข่าวการเมือง ปีนี้เป็นปีที่เราเห็น ผลกระทบ จากการเปลี่ยนแปลง ของสภาพพูมิอากาศ ที่ชัดเจนจริงๆนะคะ อย่างนครดูไบ ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทราบกันดีว่าเมืองนี้ แห้งแล้ง ขนาดไหน แต่ปีนี้ยังเจอพายุ นี่ทำให้เกิด คำถามข่าวว่ารัฐบาล ประเทศต่างๆ ทำอะไรมากพอหรือยัง ที่จะแก้ไขปัญหาโลกร้อน แต่ก่อนที่เราจะมา ตัดสินใจหรือว่า รับฟังข่าวนี้ แอดมินก็ต้องขอ ฝากให้ไปติดตาม อาวุธล็อตใหญ่ กันด้วยนะคะ แล้วในวันนี้ แอดมินก็ต้อง ขอขอบคุณ แทงบอล ที่สนับสนุนบทความของเราในวันนี้ด้วยค่ะ

ศาลยุโรปเอาจริง
เอาจริง

ศาลยุโรปเอาจริง โลกอุณหภูมิพุ่ง ฟ้องรัฐบาลสวิส ไม่ลดโลกร้อน

หลังจากเหตุการณ์นี้ต้องบอกว่ารัฐบาล แต่ละประเทศก็คงจะต้องร้อนๆหนาวๆแล้วล่ะค่ะ เพราะว่าศาลยุโรปเพิ่งจะมีการตัดสินให้กลุ่มสตรีสูงวัย ที่ฟ้องร้องรัฐบาล ที่ไม่แก้ไขปัญหาโลกร้อน เพียงพอชนะคดีครั้งประวัติศาสตร์ การแก้ปัญหาโลกร้อนเรารับรู้มาตลอดว่า มันเป็นเรื่องที่สำคัญ เป็นเรื่องที่เราต้องเร่งดำเนินการโดยเฉพาะ หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการ

เปลี่ยนแปลงสภาพพูมิอากาศครั้งที่ 21 หรือว่า Nation Unies Conference sur les Changements Climatiques ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเรียกกันว่าข้อตกลงองปารีส ซึ่งภายใต้ข้อตกลงนี้นะคะ มีการบอกว่าจะร่วมมือกัน ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อที่จะควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้เกิด 2 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับยุคก่อนอุตสาหกรรม แต่ผ่านมาจนถึงวันนี้

ปี 2024 ดูเหมือนว่าปัญหาโลกร้อนยังไม่ได้รับการแก้ไข หรือผลกระทบก็ยังรุนแรงมากขึ้นด้วยค่ะ ตอนนี้รัฐบาลประเทศต่างๆ คงจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขึ้น โดยเฉพาะรัฐบาลของประเทศฝั่งยุโรปนะคะ เพราะว่าศาลสิทธิมนุษยชนแห่งยุโรป เพิ่งจะตัดสินให้กลุ่มสตรีสูงวัย ซึ่งเค้ารวมตัวกันมากกว่า 2000 คน อายุเฉลี่ยประมาณ 73 ปีภายใต้ชื่อว่ากลุ่มสตรีอาวุโสที่พิทักษ์ภูมิอากาศ คณะการฟ้อง คดีโลกร้อนใน

ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ค่ะ ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกเลยนะคะที่ศาลยุโรป มีการตัดสินคดีความเกี่ยวกับโลกร้อน และเป็นครั้งแรกที่ประชาชนเป็นฝ่ายชนะ คดีนี้ยื่นฟ้องกันมาตั้งแต่ปี 2015 หรือว่าเก้าปีก่อน โดยกลุ่มสตรีสูงวัยยื่นฟ้องรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์รัฐบาลของตัวเองนะคะ ต่อศาลสิทธิมนุษยชนแห่งยุโรป โดยบอกว่ารัฐบาลไม่แก้ปัญหาโลกร้อน มีนโยบายที่ล่าช้าเกินไปแล้วก็มีช่องโหว่ พร้อมกระบอกอย่างนี้นะคะ

ว่าด้วยอายุแล้วก็เพศของเธอเนี่ย อ่อนไหวเป็นพิเศษเลยค่ะ จากคลื่นความร้อนจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ พร้อมกับบอกได้ว่าพวกเธอไม่สามารถออกจากบ้านได้ เสี่ยงมีปัญหาสุขภาพ แล้วก็เสี่ยงที่จะเกิดหัวใจวาย จากสภาพอากาศที่ร้อนจัดด้วยค่ะ และหลังจากที่พิจารณาอย่างเรานานนะคะ ศาลยุโรปตัดสินให้รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ ละเมิดมาตราแปดของอนุสัญญายุโรป ว่าด้วยสิทธิมนุษยชนที่ระบุ

ศาลยุโรปเอาจริง
ออกมาเอาจริง

เอาไว้บอกว่าทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับการเคารพ ในชีวิตส่วนตัว แล้วครอบครัวของตัวเอง เนื่องจากรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ ไม่พยายามมากเพียงพอ ที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ให้ตรงกับเป้าหมาย แล้วบอกด้วยว่ารัฐบาลมีหน้าที่ตามกฎหมายนะคะ ที่จะต้องยุติการละเมิดสิทธิมนุษยชน และแก้ไขปัญหานี้ด้วยค่ะ  ที่น่าสนใจก็คือคำตัดสินนี้ ไม่สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ค่ะ และยังมีผลในการสร้างบรรทัดฐานทางกฎหมาย

ให้กับ 46 ประเทศที่อยู่ภายใต้อนุสัญญายุโรป ว่าด้วยสิทธิมนุษยชนด้วย นั่นหมายความว่า ก็จะครอบคลุมไปถึงประเทศในยุโรปต่างๆ ไม่ใช่แค่สวิตเซอร์แลนด์เท่านั้นค่ะ คำถามต่อไปก็คือว่า ถ้ารัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ ไม่ทำตามคำตัดสินของศาลยุโรป ไม่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ไม่มีการปรับปรุง นโยบายจะเกิดอะไรขึ้น ศาลบอกว่าจะดำเนินคดีเพิ่มเติม แล้วก็จะมีบทลงโทษทางการเงินด้วยค่ะ

ซึ่งทันทีที่คำตัดสินของศาลออกมาแบบนี้ กลุ่มสตรีสูงวัยที่ยื่นฟ้องในเรื่องนี้ ก็ต่างมาออกความแสดงความยินดีว่าการปกป้องตัวเอง แล้วก็ลูกหลานเป็นผลแล้วค่ะ เช่นเดียวกับนักเคลื่อนไหว เพื่อสิ่งแวดล้อมชาวสวีเดน คนดังมาร่วมฟังคำตัดสินกันในคดีความนี้ด้วยเช่นเดียวกันนะคะ พร้อมกับบอกว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้น กับการดำเนินคดี เรื่องของสภาพอากาศ หลังจากนี้เราจะต้องพยายามมากขึ้น พร้อมกับบอกว่า

เป็นหน้าที่ของรัฐบาลแต่ละประเทศเลย ที่จะต้องทำทุกวิถีทางและทำมากขึ้น เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาโลกร้อนค่ะ ด้านผู้สื่อข่าวด้านสภาพอากาศของรอยเตอร์ บอกว่าชัยชนะของกลุ่มสตรีสูงวัย ในสวิตเซอร์แลนด์ จะเป็นการเปิดทางให้ผู้คนในประเทศต่างๆ อาจจะมีการฟ้องร้องรัฐบาลตัวเองมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้จะเป็นบรรทัดฐานที่สำคัญด้วยนะคะ ที่จะส่งผลต่อการตัดสินคดี ที่มีลักษณะคล้ายกัน ซึ่ง ณ ตอนนี้มีหลาย

 ประเทศที่กำลังฟ้องร้องคดีลักษณะนี้อยู่ทางออสเตรเลีย เปรู บราซิล รวมถึงเกาหลีใต้ค่ะ สอดคล้องกับผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพภูมิอากาศนะคะ ที่มองว่าคำตัดสินในครั้งนี้ จะทำให้มีการออกมาผลักดัน เรียกร้องให้แก้ไขปัญหาสภาพอากาศโลกร้อนมากยิ่งขึ้น เพราะว่าตอนนี้เป็นที่รู้กันแล้วนะคะ ว่าอนุสัญญายุโรปว่าด้วยการละเมิดสิทธิมนุษยชน สามารถนำมาใช้ในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาพพูมิอากาศโลกได้ด้วยค่ะ 

และไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือเปล่านะคะ เพราะว่าในวันเดียวกันเลย กับที่ศาลยุโรปตัดสินคดีนี้ หน่วยงานบริการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของสหภาพยุโรป ได้ออกมาระบุข้อมูลนึงค่ะ บอกว่าตลอด 10 เดือนที่ผ่านมาทุกเดือนเนี่ย อุณหภูมิเพิ่มขึ้นทุบสถิติเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รายงานระบุด้วยนะคะ ว่าตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2023 มาจนถึงเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้ค่ะ นี่คือช่วง 12 เดือน

ที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ และถ้าดูจากข้อมูลที่มีการบันทึกย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 1940 เดือนมีนาคมที่ผ่านมา นี่คือเดือนที่ร้อนที่สุดแล้วนะคะ นับตั้งแต่ยุคก่อนอุตสาหกรรม อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 14.14 องศาเซลเซียส สูงกว่าสถิติเดิมในปี 2016 ถึง 10 องศาด้วยกันค่ะ เห็นตัวเลขแบบนี้แล้วก็ได้แต่หวังจริงๆนะคะ ว่าหลังจากนี้รัฐบาลคงจะดำเนินการอะไรบางอย่าง เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาโลกร้อนค่ะ