วันนี้เราก็จะมาติดตามประเด็นข่าว พม่าเปิดปฏิบัติการ ยึดเมียวดีคืนปะทะเดือดกะเหรี่ยง หน่วยงานจากอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ถึงสถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารเมียนมาร์ กับฝ่ายต่อต้านในพื้นที่จังหวัดเรวดี ตรงข้ามอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ว่าวันนี้ชาวเมียนมาร์ และชาวไทยในพื้นที่ตำบลท่าสายลวด แม่ตาว และแม่สอด ได้ยินเสียงระเบิดเกิดขึ้นหลายนัดประมาณ 1 นาที แต่ก็ยังเป็นที่ยืนยันว่าทหารเมียนมาร์ใช้เครื่องบินมาทิ้งระเบิด หรือฝ่ายต่อต้านใช้โดรนทิ้งระเบิดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

ขณะที่รายงานว่ามีทหารเมียนมาร์ ที่แตกทัพไปช่วงก่อนได้รวมตัวกันประมาณ 200 นาย เพื่อจะชิงค่ายผซอ หรือกองพัน 275 คืน จากฝ่ายต่อต้าน เดี๋ยวเรามาติดตามประเด็นข่าวนี้ไปพร้อมกันค่ะ แต่ก่อนที่จะไป แอดมินก็ต้องขอฝากไปติดตาม คลื่นความร้อนถล่ม กันด้วยนะคะ แล้วในวันนี้ แอดมินก็ต้องขอขอบคุณ tiger444 ที่สนับสนุนบทความของเราในวันนี้ด้วยค่ะ

วันนี้ชาวเมียนมาร์และชาวไทยในพื้นที่ตำบลท่าสายลวด แม่ตาว และแม่สอด ได้ยินเสียงระเบิดเกิดขึ้นหลายนัดประมาณ 1 นาที แต่ก็ยังเป็นที่ยืนยันว่า ถ้าทหารเมียนมาร์ใช้เครื่องบินมาทิ้งระเบิด หรือเปล่า หรือฝ่ายต่อต้านเป็นฝ่ายทิ้งระเบิด ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ในขณะที่มีรายงานทหารเมียนมาร์ ที่แตกทัพไปช่วงก่อนๆได้รวมตัวกันประมาณ 200 นาย เพื่อที่จะชิงใคร่ผ่าซองหรือกองพัน 275 คืน จากฝ่ายต่อต้าน

โดยจะเข้าไปสมทบกับทหารกองพล 55 ที่กำลังเดินทางมายังเนวดี เพื่อชิงเมืองเนวดีคืน ซึ่งขณะนี้อยู่ในพื้นที่กอกะเล็ก ซึ่งผู้สื่อข่าวงานอีกว่ามีผู้หนีภัย จากการสู้รบเหลือเพียง 983 คนเท่านั้น ณ เวลา 18:00 น.  ของวันที่ 22 เมษายน 2567 จากพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวสองแห่งคือ ที่ท่าทรายรุจิรา ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก หนึ่งแห่ง แล้วอีกที่คือ ที่บ้านหนองหลวง อำเภออุ้ทผาง จำนวน 77 คน

ส่วนเจ้าหน้าที่ไทยมีทั้งทหารหน่วยเฉพาะกิจราชมณู ตำรวจสภ. แม่สอด และตำรวจตระเวนชายแดนกองร้อยตชดที่ 346 อำเภอแม่สอด ยังคงดูแลเฝ้าระวัง ตามแนวชายฝั่งไทยเมียนมาร์ โดยตลอดอย่างไรก็ดี ผู้ที่ลี้ภัยที่กลับไปนั้น ไปด้วยความสมัครใจ โดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร ให้ความดูแลเรื่องความปลอดภัย จนลงเรือข้ามไปฝั่งเมียนมาร์ ขณะที่รายงานจากสื่ออิรวดีระบุว่า รัฐบาลทหารทหารของเมียนมาร์ได้ส่งทหาร

ทหารมากกว่า 1000 นาย เพื่อเข้ามายึดคืนศูนย์กลางที่สำคัญของเนวดีบริเวณชายแดนไทย ซึ่งส่งสัญญาณการต่อสู้ที่เพิ่มมากขึ้น ด้วยหลังจากการยึดเมืองเรวดีเกิดขึ้นกองกำลังทหารเกือบ 500 นาย จากกองพลทหารราบที่ 55 ที่มีฐานอยู่ในเมืองพระอัน เมืองหลวงของรัฐกะเหรี่ยง ถูกส่งไปประจำการที่กองกะเล็ก ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเรวดีไปทางตะวันตกเพียง 26 ไมล์เท่านั้น โดยทั้งสองเมืองถูกขั้นด้วยเทือกเขา

ดาวนา ขณะที่กองกำลังของฝ่ายต่อต้านถอนกำลังออกจากกอกะเล็ก เมื่อประมาณสัปดาห์ที่แล้ว ในขณะที่ขบวนรถของกองทหารราบ 30 คัน เข้าร่วมกับกองกำลังเสริมของรัฐบาล ก่อนที่จะมีการโจมตีตอบโต้ ที่คาดใหม่ เพื่อยึดนวดีคืนโดยสมาชิกกลุ่มต่อต้าน 4 คนถูกสังหารคณะสกัดกั้นกองทหาร ทั้งนี้มีรายงานว่าการซุ่มโจมตีโดยกองกำลังต่อต้าน ร่วมกันได้หยุดยั้งการลุกขึ้นของกองทหารรัฐบาลเมียนมาร์ ที่ฐานทัพ

ของดาวนา โดยสมาชิกกลุ่มต่อต้านรายหนึ่ง ระบุว่ากองกำลังทหารใช้ทั้งสามเส้นทาง ผ่านเทือกเขาดาวนา เพื่อไปยังเรวดีได้แก่ ทางหลวงสายเอเชีย ถนนสายเก่า และเส้นทางป่า ด้านฝ่ายการเมืองของฝ่ายต่อต้านหรือ KNU เนี่ยก็ระบุว่าเมื่อวันที่ 18 เมษายนรัฐบาลได้เปิดฉากการตอบโต้ เพื่อยึดณวดีกลับคืนมา โดยอยู่ KNU บอกว่า กองกำลังต่อต้านร่วมได้สกัดกั้น และสังหารทหารของรัฐบาลเมียนมาร์กว่า 100 นาย

ที่เข้าร่วมปฏิบัติการดังกล่าว โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมารัฐบาลทหารเมียนมาร์สูญเสียรถหุ้มเกาะหนึ่งคัน ยานพาหนะทหารสองคัน และคลังกระสุนจำนวนมาก ในการปะทะกับกองกะเหรี่ยงในฝั่งเกาะกะเล็กของเทือกเขาดาวนา โดยทั้งสองฝ่ายกำลังเผชิญหน้ากัน ใกล้กับภูเขาดาวนา ในขณะเดียวกัน KNU ยังระบุว่าทหารของรัฐรัฐบาลเมียนมาร์ 6 นาย รวมถึงนายทหารหนึ่งนายเสียชีวิตในการปะทะเมื่อวันอาทิตย์

โดยกองกำลังต่อต้านยึดรถหุ้มเกาะได้หนึ่งคัน รถตู้ของกองทัพสองคัน พร้อมปืนกล และกระสุน ขณะที่นักวิเคราะห์ทหารในพื้นที่กำลังสงสัยกันว่า กองกำลังทหารจะไปถึงเรวดีหรือไม่ เพราะว่าตอนนี้เป็นเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์แล้ว แต่ก็ทางรัฐบาลทหารเมียนมาร์ ก็ยังคงไม่สามารถก้าวหน้าได้ ท่ามกลางความสูญเสีย โดยมีการตั้งข้อสังเกตกันว่า พวกเขาจะบรรลุภารกิจได้หรือไม่ แม้ว่าอาจจะสามารถข้ามภูเขาได้

แต่กองทัพทหารก็ยังต้องเผชิญกับการซุ่มโจมตีหลายครั้ง ระหว่างทางไปเรวดี โดยการซุ่มโจมตีเมื่อวันอาทิตย์ เกิดขึ้นหลังจากกลุ่มต่อต้าน และพันธมิตรโจมตีกองพัน 275 ที่เหลือ ซึ่งพักพิงอยู่ที่สะพานมิตรภาพไทยเมียนมาร์แห่งที่สอง ในเมืองเรวดี เมื่อวันศุกร์และวันเสาร์ ขณะที่รัฐบาลทหารตอบโต้ ด้วยการโจมตีทางอากาศที่ทำให้พลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 7 คน และบังคับให้ผู้คนเกือบ 3000 คนต้องหลบหนี

ข้ามชายแดนเข้าสู่ประเทศไทย โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมากลุ่มต่อต้านกล่าวว่า การปะทะใกล้สะพานได้สังหารทหารของรัฐบาลเมียนมาร์ไปแล้วกว่า 30 นาย และบาดเจ็บอีก 30 คน รวมถึงผู้บัญชาการกองพลที่ 44 พันเอกโซมินตัน โดยไม่มีรายงานการต่อสู้ภาคพื้นดิน ตั้งแต่วันอาทิตย์ ในขณะที่กองกำลังร่วมถอยออกจากเมืองค่ะ

ก่อนจากกัน แอดมินก็ต้องขอฝากเว็บไซต์ ข่าวการเมือง อัพเดตทุกสถานการณ์ด้วยนะคะ